บทความพิเศษเรื่อง การเกิด badของ ฮาร์ดดิสก์ที่น่าจะได้อ่านกัน
ตกลงกันก่อนบทความนี้ได้มาจากการที่มีผู้ใจดีมาโพสต์ไว้ ในกระทู้ของ pantip.comซึ่งเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ ที่สนใจและไม่อยากให้บทความดี ๆ ต้องสูญหายไป ดังนั้นจึงขอนำเอาข้อความที่มีผู้มาโพสต์นี้ เก็บไว้ในที่แห่งนี้ เพื่อเผยแพร่ครับ(ขอให้อ่านโดยใช้ความเชื่อของท่านเองนะครับว่าจะเชื่อหรือไม่ อย่างไร)
การ Low-levelFormat และ High-levelFormat
การ Low-lovelFormat เป็นกระบวนการทำงานของฮาร์ดดิสก์โดยมี จุดประสงค์เพื่อสร้างหรือกำหนดTrack, Sector หรืออธิบายได้อีกอย่างว่าเป็นการเขียนโครงสร้างของ Track,Sectorตามรูปแบบที่Firmware ภายในฮาร์ดดิสก์ได้กำหนดไว้ เพื่อให้การทำงานของกลไกภายในกับวงจรควบ คุมหรือPCB สอดคล้องเป็นระบบเดียวกัน ซึ่งการLow-level Format นั้นเป็นการลบข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่าง โดยที่ข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกลบไป อย่างถาวรจริงๆ ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกันเสียก่อนว่า การ Low-levelFormat นั้น เป็นกระบวนการทำงานหรือเป็นคำสั่งของ ฮาร์ดดิสก์รุ่นเก่าที่ยังใช้ Actuator แบบ Stepper Motor ,ใช้ระบบ Servoเก่า ๆ แบบ DedicatedServo, มีการใช้โครงสร้างของTrack, Sector แบบเก่าซึ่งฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันนี้ไม่ ใช่และไม่เหมือนกันเลย การใช้Stepper Motor เป็น Actuatorของฮาร์ดดิสก์รุ่นเก่า ๆ นั้น มีข้อเสียหรือจุดอ่อนตรงที่เมื่อเราใช้ ไปนานๆ เฟืองกลไกภายใน Motor จะ หลวม ทำให้การควบคุมให้หัวอ่าน/เขียนอยู่ นิ่ง ๆบน Track (ที่จะอ่านข้อมูล)เป็นไปได้ยาก และอีกสาเหตุที่กลไกหลวมก็เพราะอุณหภูมิ ที่สูงซึ่งเกิดจากการที่ตัว Actuator เคลื่อน ที่ไปมาเพื่อหาข้อมูลแน่นอนครับ มันเป็นโลหะที่ต้องมีความร้อนเกิดขึ้น เปรียบเทียบก็เหมือนกับ Sterรถจักรยานหรือรถจักรยานยนต์ที่ต้องรูด เมื่อเจอกับโซ่ที่ลากผ่านไปมาเป็นเวลา นาน ๆและก็เป็นสาเหตุให้หัว/อ่านเขียน ไม่สามารถอ่านข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ยิ่งนับวันอาการก็จะรุนแรงมากขึ้น อีก ประการหนึ่งที่การ Low-levelFormat ไม่สามารถนำมาใช้ กับ ฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ได้ก็เพราะโครงสร้าง การจัดวางTrack, Sector ไม่เหมือน กัน ฮาร์ดดิสก์รุ่นเก่าจะมีจำนวนของSector ต่อTrack คงที่ทุก ๆ Track แต่ ในฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ จำนวนของ Sector จะ แปรผันไปตามความยาวของเส้นรอบวง (ของ Trackนั่นแหละครับ) ยิ่งต่างรุ่นต่างยี่ห้อต่างความจุก็ยิ่งต่างไปกันใหญ่ หากเราฝืนไป Low-levelFormat ผมบอกตรงๆ ครับว่านึกไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฮาร์ดดิสก์อาจไม่รับคำสั่งนี้เพราะ ไม่รู้จักหรืออาจรับคำสั่งแล้วแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรจนอาจ จะทำให้วงจรคอนโทรลเลอร์ (PCB) สับสน กันเอง (ระหว่าง IC)จนตัวมันเสียหายก็ได้ แต่ถ้าฮาร์ดดิสก์ของเพื่อนท่านใดเป็น รุ่นเก่าซึ่งมีลักษณะตรงกับที่ผมเอ่ยมา และมี BIOS ที่สนับสนุนก็สามารถ Low-levelFormat ได้ครับ(เช่น คอมฯ รุ่น 286 ของผม Hdd 40MB.) เราจะเห็นได้ว่า BIOSรุ่นใหม่จะไม่มีฟังก์ชั่น Low-levelFormat แล้วเพราะ BIOS ก็ไม่อาจที่จะรู้จักโครงสร้างTrack, Sector ของฮาร์ดดิสก์ได้ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นเพราะความต่างอย่างที่ผมบอกไว้ละ ครับ กลับมาสู่ความจริงของความรู้สึกเรากัน หน่อยนะครับซึ่งผมเข้าใจดีว่า เพื่อน ๆ ทุกคนหากเมื่อเจอ BadSector ใน ฮาร์ดดิสก์ของตัวเองย่อมใจเสียแน่นอนเพราะข้อมูล ที่อยู่ข้างในนั้นมีผลกับจิตใจ กับความรู้สึกของเรามากและเราต้องการที่จะได้มันคืน และในตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดถึงด้วยซ้ำว่าเราซื้อมันมาแพง แค่ไหน และถ้าหากเราได้ยิน ได้ฟัง อะไรที่เล่าต่อกันมาว่ามันสามารถที่จะทำให้ฮาร์ดดิสก์ของเราดีเช่นเดิมได้ เราย่อมให้ความสนใจ อยากลองอยากได้ อยากมี แต่เพื่อน ๆ ครับ อย่างที่ ผมบอกละครับว่าการ Low-levelFormat นั้นใช้ไม่ได้กับ ฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ๆ ตัวผมเอง ก็เป็น Salary Man หรือมนุษย์ เงินเดือนเหมือนเพื่อน ๆ ละครับ ผม รู้สึกเสียดายเป็นเช่นกันแต่เมื่อผมมาถึงจุด ๆ หนึ่งที่รู้ว่าเราไม่สามารถเอา สนามแม่ เหล็กมาเรียงให้ดีเหมือนเดิมได้และไม่มีเครื่องมืออะไรที่จะมาช่วยได้ด้วย ผมก็ต้องปลง และถนอมมันให้ดีที่สุด เอาละผมขอพากลับมาที่เนื้อหากันต่อนะครับ
การ High-levelFormat หรือการFormat (หลังจากการแบ่งPartition แล้ว) ที่เราเรียกกันอยู่บ่อยๆ โดยใช้ DOS นั้นมีจุดประสงค์เพื่อทำการเขียนโครง สร้างของระบบไฟล์ (FAT:File Allcation Table ซึ่ง มีทั้งFAT32 และFAT16) และเขียนMaster Boot Record (ซึ่ง เป็นพ.ท.ที่จะเก็บแกนหลักของระบบปฏิบัติการเช่น DOS)การ Formatนี้นั้นฮาร์ดดิสก์จะไปลบ FATและ MasterBoot Record ทิ้งไป แต่มันไม่ได้ทำการลบทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนดังเช่นเรากวาดของบนโต๊ะทิ้งไปจนเหลือแต่พื้น เรียบๆมันแค่ทำการเขียนข้อมูล "0000" ลง ไปบนแผ่นดิสก์ เท่านั้น ซึ่งคำว่า"เขียนข้อมูล 0000 ก็คือการFormat ของเรานั่นแหละครับ" ดังนั้นหากใครคิดว่าการ Formatบ่อย ๆ นั้น ไม่ดีก็...(ผมขอไม่ตอบเพราะมันเป็นเรื่องนานาจิต ตังครับ)เพื่อน ๆ บางคนถามในกระทู้ว่า Virus ทำให้เกิด Bad Sector ได้หรือไม่ ผมขอตอบว่าไม่แต่มันทำให้ ฮาร์ดดิสก์เสียได้ครับ เพราะการที่มันเข้าไปฝังที่ MasterBoot Record ครับก็ต้องแก้กันโดยการ Fdisk กำหนด Partition กันใหม่ และVirus ก็เป็นเพียงแค่ข้อมูล ๆ หนึ่งที่เราจะลบทิ้งไปก็ได้และ Virus จะเข้าไปในFirmware และSystemArea ของฮาร์ดดิสก์ก็ไม่ได้เด็ดขาดเพราะ Firmware ของฮาร์ดดิสก์จะไม่ยอมให้แม้กระทั่งBIOS ของคอมฯเห็นCylinder นี้ซึ่งเสมือนว่าCylinder นี้ไม่มีอยู่จริง การที่ฮาร์ดดิสก์พบBad Sector นั้นมันจะทำการทดลองเขียน/อ่านซ้ำ ๆ อยู่พักหนึ่งจนกว่าจะครบ Loopที่ กำหนดแล้ว ว่าเขียนเท่าไหร่ก็อ่านไม่ได้ถูกต้องซักที ฮาร์ดดิสก์ก็จะตีให้จุดนั้นเป็นจุดต้อง ห้ามที่จะเข้าไปอ่านเขียนอีก แต่ถ้า ข้อมูลสามารถกู้คืนมาได้มันก็จะถูกย้ายไปที่ๆ เตรียมไว้เฉพาะ เมื่อฮาร์ดดิสก์ตีว่าจุดใดเสียแล้วมันจะ เอาตำแหน่งนั้นไปเก็บที่ SystemArea ซึ่งข้อมูลที่บอกว่ามีจุดใดที่เสียบ้างนั้นจะถูกโหลดมาทุกครั้งที่ ฮาร์ดดิสก์Boot และเราไม่สามารถเข้าไปแก้ข้อมูลนี้ได้ ด้วยครับNorton ก็ทำไม่ได้สิ่งที่มันทำ ก็ทำได้แค่ Mark ไว้แล้วก็เก็บข้อมูล นี้ไว้จากนั้นก็ทำเหมือนกับที่ Firmware ฮาร์ดดิสก์ ทำ คือไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวพ.ท.นี้อีก หรือหลอกเราว่าไม่มี พ.ท.เสีย เกิดขึ้นเลย การ Formatด้วย DOSก็แก้ไขไม่ได้เช่นกันครับเพื่อน ๆ บางคนคิดว่าหากมี Bad Sector แล้วมันจะขยายลุกลามออกไปผมขอตอบว่าไม่จริงครับ เราไม่ควรลืม ว่าบนแผ่นดิสก์นั้นคือสารแม่เหล็กที่ฉาบอยู่ และมันหลุดได้ยาก ต่อให้หลุดแล้วก็ลามไม่ได้ด้วยนะครับไม่ เหมือน กับโรคผิวหนังครับ ผมขอจบลง เท่านี้ละครับการซ่อมฮารด์ดิสก์ โดยแก้ไขไม่ให้มี Bad Cluster หรือ BadSector
ผมขอชี้แจงเรื่องการซ่อมฮารด์ดิสก์ โดยแก้ไขไม่ให้มี Bad Cluster หรือ BadSector ให้เพื่อนๆ เข้าใจสักหน่อยนะครับว่า การที่ฮารด์ดิสก์มี Bad Cluster หรือBad Sector นั้นเราไม่ สามารถที่จะแก้ไขไม่ให้มันหายไปได้ เพราะการทำงานของFirmeware ในฮารด์ดิสก์จะกำหนดไว้ว่าถ้าหากหัวอ่าน /เขียนของมัน พบปัญหา เช่นอ่าน แล้วข้อมูลไม่ถูกต้องและวงจรตรวจสอบที่อยู่บน PCB มันใช้ ECC หรือ CRC หรือ Read Retry (หรือวิธี อื่น ๆ ที่แล้วแต่เทคโนโลยีของ บ.ผู้ผลิต) เข้ามาช่วยแล้วแต่แก้ไขไม่ได้ ฮารด์ดิสก์จะตีว่า พ.ท.นั้นเป็น Defectหรือกำหนดให้เป็นจุดเสียที่มันจะไม่ เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก และ ข้อมูลที่เอาไว้บอกตัวฮารด์ดิสก์เองว่าจุดใดบ้างที่เสียนั้นจะเก็บไว้ที่ System Area ซึ่งเป็น Cylinder ที่เราจะเข้าไปแก้ไขข้อมูลในจุดนี้ไม่ ได้เลยเพราะเป็น Cylinder ที่ ฮารด์ดิสก์กันเอาไว้ให้ตัวของมันเองโดยเฉพาะ และทุกครั้งที่ฮาร์ดดิสก์บูตมันจะต้องเข้าไปอ่านข้อมูล ที่System Area แล้เอามาเก็บที่ Ram เพื่อที่จะบอกกับตัวมันเองว่ามี พ.ท. ตรงไหนบ้างที่ห้ามเข้าไปอ่าน/เขียน การที่จะเข้าไปแก้ข้อมูลในจุดนี้ต้องใช้ เครื่องที่โรงงานผู้ผลิตนั้นออกแบบมาโดยเฉพาะ และต่อให้เราเข้าไปแก้ได้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะพ.ท.ตรง นั้นอาจมีสิ่งสกปรกติดอยู่ หรือสนาม แม่อาจถูกกระทบกะเทือนจนหลุดออกซึ่งเป็นชิ้นเล็กที่ตาเปล่ามองไม่เห็น และในความเป็นจริงยังมีสาเหตุอื่นๆ อีกมากที่ทำให้เกิด Bad Cluster หรือ Bad Sector ก็ตามแต่จะ เรียกสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือ ห้ามกระแทกฮารด์ดิสก์แรง ๆ ไม่ว่ามันจะทำงานอยู่หรือไม่ก็ตามและ เมื่อคุณจับมันก็ไม่ควรจับที่ PCB เพราะ ไฟฟ้าสถิตย์ในตัวเราอาจวิ่งไปยังวงจรที่PCB แล้วทำให้IC เสียหายได้ และจุดนี้เองที่ร้านที่ทำให้เกิดร้านรับ ซ่อมฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเขาเพียงแค่อาศัยการเปลี่ยนแผ่นPCB ที่ประกบอยู่โดยการหารุ่นและยี่ห้อที่ ตรงกันมาเปลี่ยนง่าย ๆ เท่านี้เอง และการ ที่เราคิดว่าแผ่นดิสก์ภายในมีรอยก็น่าจะเปลี่ยนได้ผมขอบอกเพื่อน ๆ ว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะเปิด Cover หรือผาครอบมันออกมาแล้วเอาแผ่นใหม่ใส่ เข้าไป เพราะบนแผ่นดิสก์ทุกแผ่นและทั้งสองด้าน ของแผ่นจะมีสัญญาณServo เขียนอยู่ ซึ่งสัญญาณนี้จะถูกเขียนในลักษณะตัดขวาง เหมือนกับการแบ่งเค้กกลมๆ ออกเป็นส่วน ๆ โดยที่สัญญาณนี้จะต้องตรงกันทุกแผ่นจะวางเยื้องกันไม่ได้เลย เพราะเครื่องเขียนสัญญาณกำหนดให้ต้องตรง กัน ซึ่งผมขอเปรียบเทียบกับล้อรถยนต์ที่ ต้องมีจุ๊บเติมลม ที่เราต้องเอาจุ๊บของล้อทุกล้อมาวางให้ ตรงกันเพื่อที่จะบอกให้PCB ได้ รับทราบว่าจุดเริ่มต้นของดิสก์หรือSector 0 หมุน ไปอยู่ที่ใดบนแผ่นดิสก์ และ สัญญาณนี้ไม่สามารถมองให้ได้ด้วยตาเปล่าต่อให้เอากล้องจุลทรรศมาส่องก็ไม่ เห็น การที่เราจะจับฮารด์ดิสก์ให้มีความ ปลอดภัยนั้นตัวเราต้องลงกราวนด์ นั่นคือ เท้าเราต้องแตะพื้นให้ไฟฟ้าสถิตย์จากตัวเราไหลลงพื้นดินเพื่อน ๆ อาจนึกไม่ถึงว่ามันจะมีผลมากถึงขนาดว่า ทำให้ฮารด์ดิสก์เสีย แต่เรา อย่าลืมว่ากิจกรรมในชีวิตประจำวันของเราไปจับโลหะอะไรมาบ้างแล้วมันถ่าย เทประจุให้เราเท่าไหร่,จะมีผล ต่อสิ่งอื่น ๆไหมเราไม่รู้เหมือนกับรถบรรทุกขนถ่าย น้ำมัน ที่เวลาวิ่งต้องเอาโซ่ลากไปตามถนนเพื่อ ระบายประจุ หรือทำให้เกิดความต่างศักย์น้อยที่สุด หรือเป็นศูนย์เพราะมันอันตรายมากที่เวลา เอาหัวจ่ายน้ำมันรถไปต่อกับวาลว์รับน้ำมัน ซึ่งอาจเกิดประจุไฟ้ฟ้าวิ่งจากศักย์สูงไปศักย์ต่ำแล้ว เป็นประกายไฟ เพราะเวลารถวิ่งไปชนอากาศที่มีประจุลอย อยู่มันก็จะสะสมไปเรื่อยๆ ผมอยาก บอกกับเพื่อน ๆ ว่าผมก็เสียดายมาก ๆ หากฮารด์ดิสก์ของผมเกิด BadSector ขึ้นมาแต่ก็ต้องทำใจยอมรับเนื่องจากมัน แก้ไขไม่ได้จริง ๆ ต่อให้เอาเครื่อง มือในโรงงานมากองต่อหน้าผมแล้วให้ผมอยู่ในClean Room ผมก็ทำไม่ได้(ยกเว้นนั่งรื้อชิ้นส่วนออกหมดแล้วเอาแผ่นดิสก์ใหม่มาใส่ เพราะเครื่องเขียนServo อยู่ในนั้น)แต่การ ที่เราจะเลี่ยงไม่ใช้ พ.ท.ที่เสียอยู่ในตอนอื่น ๆ ของข้อมูลนั้นก็ทำได้เช่นแบ่งพาร์ทิชั่นออกเป็นส่วนๆ โดยให้พาร์ทิชันที่เราไม่ต้องการครอบตรง จุดเสียไว้ หรือถ้าหากเราต้องการกู้ข้อมูลที่มี ความสำคัญมากๆ ก็ต้องใช้ Software ที่ ออกแบบมาโดยเฉพาะ เช่น Spinriteหาก ถามว่าทำไม บ.ผู้ผลิตไม่ออกแบบให้ฮาร์ดดิสก์แก้ไข ข้อมูลให้ถูกต้องเสียก่อน หรือให้ มันสามารถกู้ข้อมูลได้เล่าคำตอบก็เป็นเพราะมันทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น, และทำให้ระยะเวลาที่ใช้ในการผลิตหรือ กว่าที่จะออกจำหน่ายได้ช้าออกไปอีก,ทำให้ ความเร็วในการทำงานลดลงด้วยและมีอีกหลาย ๆ อย่างที่ผมพิมพ์ไม่ไหวแล้ว ผมหวังว่าการที่ผมบอก EmailAddress ไว้นั้นจะทำให้เนื้อหานี้มีความน่าเชื่อ ถืออยู่บ้างนะครับ
ป.ล.หากอ่านแล้วไม่เข้าใจผมก็ขอโทษที เพราะตอนนี้ง่วงมาก ๆ แล้วครับ อ้อ! อีก อย่างครับเกือบลืมบอกไปว่าผมเคยทำงานอยู่Failure Analysis มีหน้าที่วิเคราะห์หาจุดเสียของ ฮาร์ดดิสก์...(เอาแค่หน้าที่เดียวก็พอเนาะ) ด้วยความหวังดีกับทุก ๆคนครับ (ประโยคนี้เชยแต่ตรงกับความรู้สึกผมดี)
คำถาม
ฮาร์ดดิสก์ที่พึ่งซื้อมาทำไมถึงมีแบ ดได้ครับใครที่รู้เกี่ยวกับฮาร์ดดิสช่วยแนะนำหน่อยครับ
คำตอบ
เท่าที่ทราบ นะคะมันมี Bad Sector มาตั้งแต่ อยู่ขั้นตอนผลิตที่โรงงานแล้วค่ะ ก่อนที่ จะนำออกจำหน่ายเค้าจะทำ Low Level Format และ mark ส่วนที่เป็น Badsector ทิ้งไปดังนั้นฮาร์ดดิสค์แต่ละตัว ถึงแม้จะรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน จำนวนCylinder, Head ฯลฯเท่ากัน แต่ความจุที่แท้จริงอาจไม่เท่ากันก็ได้ค่ะ เรื่องนี้ จริงๆแล้วก็ทำนองเดียวกับ CPUรุ่นเดียวกันแต่แยกขายที่ความเร็วนาฬิกา ต่างๆกันเป็นช่วงๆเช่น 200 MHz, 233MHz, 266 MHz, 300MHz ฯลฯ ซึ่งจริงๆแล้ว CPUพวกนี้ก็ทำมาจากแผ่นเวเฟอร์เดียวกันโรง งานเดียวกัน เพียงแต่ พอผลิตออกมาแล้ว ไม่ผ่านการทดสอบคุณภาพที่ความถี่สูงเค้าก็ลดการทดสอบลงมา จนถึงความถี่ที่ผ่านการ ทดสอบ เค้าก็แปะตราว่ารับรองว่าCPU ตัว นี้(หรือ lot นี้) ใช้ได้ที่ความถี่ที่ทดสอบ แต่ก็เป็นไปได้ว่าเรายังสามารถ Over Clock ขึ้นไปได้อีก (คือใช้ที่ความเร็วมากกว่าที่เค้าระบุ) เผื่อแจ๊คพอทน่ะค่ะ เพราะการควบคุมคุณภาพ เค้าเฉลี่ยที่ทั้ง lotซึ่ง ไม่ได้ หมายความว่าทุกตัวสรุปว่า คุณโชคดีค่ะ ที่แจ๊คพอทไปเจอที่เค้าตรวจ Badsector ไปแล้วแต่กว่าจะ ผ่านมาถึงมือคุณ มันเกิด Bad sector เพิ่มน่ะค่ะ จาก
เคยได้ยินมาเหมือนคุณแ ต ง ก ว า ฮาร์ดดิสค์จะถูกออกแบบให้มีความจุ มากกว่า ขนาดที่ระบุนิดหน่อยสำหรับเผื่อให้กับ bad secter ที่อาจจะมี ถ้า ฮาร์ดดิสค์นั้นยังมีเนื้อที่ส่วนที่ดีมากกว่าขนาดที่ระบุก็ถือว่าผ่าน มาตรฐาน สามารถขายได้ไม่ผิดกฏหมายและไม่ถือว่า เป็นการเอาเปรียบผู้ซื้อด้วย
ฮาร์ดดิสก์จะมีbad sector อยู่เกือบทุกตัวอยู่แล้วจะมีไม่กี่ตัว ที่ไม่มี bad sector เลย เขาจะกันไว้เอาไปทำฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูง ส่วนพวกธรรมดาเมื่อผ่านขึ้นตอนการผลิตในโรงงานเขาจะทำเครื่องหมาย ไว้ ทำให้เครื่องมองไม่เห็นและเครื่องไม่ ควรจะเห็น คราวนี้ถ้าเครื่องมองเห็น แสดงว่า มีการผิดปกติซึ่งไม่เป็นไร เพราะถ้าใช้ Dos หรือ วินโดวส์ ฟอร์แม็ต มันจะกันไว้อีกทีแล้วก็ใช้ได้อย่างปกติ ไม่มีปัญหาเพราะเครื่องจะไม่มองและไม่ใช้ปัญหาจะมีก็ตรงที่ใช้ๆ ไป กลับมี bad sector มากขึ้น หรือใช้ๆ ไปจู่ๆเกิดฟ้องว่ามี bad sector แสดงว่าเริ่มมี badsector เกิน ขึ้นตรงในส่วนที่ดีงานนี้ต้องส่งโรงงานซ่อมเท่านั้น ทำไฟล์สำรองจากฮาร์ดดิสก์แล้วส่งซ่อมเท่านั้นครับ
คุณกาละมะชน พูดถูกครับHDD ปัจจุบันจะมีspare sector ที่ไม่ใช้สำรองไว้อยู่ ถ้าเกิดมี sectorเสีย controllerบน HDDจะ markไว้ และเอา sparesector ที่เหลือมาใช้แทนกลไกนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติในตัว HDD เราไม่อาจสังเกตหรือรู้ได้เลยและนี่เป็น เหตุผลสำคัญที่ผู้ผลิตห้ามไม่ให้ผู้ใช้ พยายาม low-levelformat HDD แถม HDDปัจจุบันมักจะเสียแล้วเสียเลยซ่อมไม่ได้ อีกแล้ว เพราะ controller ไม่ยอม ให้เปลี่ยนแปลงข้อมูลตำแหน่ง sectorเสียตรงนี้ได้ว่าแต่คุณเจ้าของกระทู้ขน HDD ยังไงครับ การขนย้าย HDD ผิดวิธีอาจทำให้มันถึงกับพังได้ ผมเคยเห็นบางคนขน HDD ยังกะขนหนังสือ ธรรมดา ที่แนะนำก็คือใส่กล่อง seashell หรือ ถุงกันไฟฟ้าสถิตย์และหุ้มฟองน้ำกันกระแทกครับผมและ อย่าเขย่าหรือไปเจอกับแรงสะเทือน คิดซะว่ามันเปราะกว่าแก้วไวน์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น